วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เที่ยวปารีสด้วยตัวเอง ง่ายนิดเดียว

ปารีสถูกจัดให้เป็น 1 ในเมืองยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวตลอดกาล (ลิงค์บทความ 20 เมืองสุดฮิตที่อุดมไปด้วยนักท่องเที่ยว) เพราะถูกขนานนามว่าเป็นเมืองที่โรแมนติคที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจยิ่งนัก เพราะ 3 ครั้งที่เราไปผูกสันถวไมตรีกับประเทศฝรั่งเศส เราไปคนเดียวครับพี่น้อง 2 ครั้งแรกมีเพื่อนชาวฝรั่งเศสเป็น Local Guide ให้ จะขึ้นรถไฟ ลงเรือเที่ยว เพื่อนจัดการให้เสร็จสรรพ เลยจำอะไรไม่ได้สักอย่าง มาครั้งล่าสุดนี้ เพื่อนสนิทคนนี้กำลังวุ่นกับการเตรียมงานแต่งสละโสด สมชาติก็เลยถูกปล่อยปละละเลยให้เที่ยวคนเดียวอย่างไม่มีทางเลือก บนความโชคร้ายของเรา คือความโชคดีของท่าน เพราะเราได้เก็บบันทึกข้อมูลมาเป็นกระตั๊กเพื่อมาบอกเล่าเก้าสิบถึงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวปารีเซียง

จากชาร์ลเดอโกลสู่กลางใจเธอ

ถ้าคุณตัดสินใจเช่ารถยนต์ที่สนามบิน หรือมีคนมารับก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าต้องเดินทางไป-กลับสนามบินด้วยตัวเองล่ะก็ คงต้องพึ่งรถไฟสาย RER-B แล้วล่ะครับ ( อาร์-เออ-อาร์-เบ) ขอทำความเข้าใจกันนิดนึงนะคะว่ารถไฟใต้ดินที่ใช้เดินทางภายในใจกลางกรุงปารีส (Paris Center ภายใน Zone 1 และ 2) เรียกว่า Metro เป็นตั๋วราคาเดียวตลอดสายคือ 1.70 ยูโร/เที่ยว (จะขึ้นแล้วลงเพียงแค่สถานีเดียวก็ราคานี้) แต่ถ้าต้องการซื้อแบบเหมาทีละ 10 เที่ยว ราคาจะถูกลงคือ  13.30 ยูโร เฉลี่ยแล้วถูกกว่า 0.37 ยูโร/เที่ยว จริงๆ เขามีขายตั๋วแบบ 1-5 day Pass ด้วยนะ แต่เราว่าไม่คุ้มนะคือต้องนั่งรถไฟเฉลี่ยประมาณ 8 เที่ยว/วันขึ้นไปจึงจะคุ้ม ถ้าจะซื้อตั๋วไปหรือกลับจากสนามบิน ค่าโดยสารของ RER-B คือ 9.5 ยูโร/เที่ยว ถ้าจะนั่งต่อไปถึง Paris Center ให้ซื้อตั๋วแบบ combined เพิ่มตังค์อีกเพียง 0.25 ยูโรเท่านั้นเอง รวมเบ็ดเสร็จแล้ว 9.75 ยูโร ประหยัดไปตั้ง 1.45 ยูโร (งกขั้นเทพ) (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ public transport ในกรุงปารีสได้ที่นี)
Charles de Gaulle Destination
สถานีสำคัญๆ ที่คุณควรจะจำไว้เมื่อเดินทางไปไหนมาไหนในปารีสคือ Charles de Gaulle (RER-B สถานีปลายทางไปสนามบิน) Châtelet หรือ Les Halles (เป็นสถานีเชื่อมต่อเพื่อไปสนามบิน) Charles de Gaulle Étoile (ชื่อสถานีนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับสนามบินใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นสถานีที่อยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญคือประตูชัย) Gare de Lyon (ชื่อเหมือนเมืองลียงแต่อยู่ที่กรุงปารีส เป็นสถานีรถไฟความเร็วสูง TGV Train ออกเดินทางเพื่อไปเมืองลียง) และเพื่อช่วยคำนวณระยะเวลาในการเดินทางของแต่ละทริป สถานีใน Paris Center จะห่างกันประมาณ 2 นาทีเว้นแต่จะเป็นสถานีเชื่อมต่อ อาจต้องเผื่อเวลาเพิ่มเติมสำหรับการเดินเพื่อเปลี่ยนสาย
Charles de Gaulle etoile
สถานีนี้อยู่ใกล้ประตูชัย
Metro platform
สภาพสถานีรถไฟใต้ดินของปารีสจะเก่าแหละเหม็นนิดนึง
เมื่อมาถึงยุโรป(ไม่ใช่เฉพาะที่ฝรั่งเศส) คุณต้องพยายามทำตัวคุ้นเคยกับระบบขนส่งสาธารณะนิดนึง ตั๋วสารพัดชนิดสามารถซื้อได้ผ่านตู้ Vending Machine สามารถชำระเงินด้วยบัตรเครดิตหรือเงินสดก็ได้ ถ้าจะซื้อตั๋วเป็นแบบเที่ยวเดียวแนะนำให้เก็บแบงค์ย่อยหรือพกเหรียญติดตัวไว้บ้างก็ดี เพราะที่ฝรั่งเศสการจะเอาธนบัตรใบใหญ่มาแลกเป็นแบงค์ย่อยหรือเหรียญนี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายมาก เวลาซื้อของตามร้าน ถ้าเราเอาแบงค์ 500 ยูโรออกมาขู่ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 20,000 กว่าบาท) ทุกคนถอยกรูดกันเลยทีเดียว เดินเข้าธนาคารพนักงานก็ส่ายหน้าก็ไม่รับแลก เพราะธุรกรรมต่างๆ ต้องทำผ่านตู้เอทีเอ็มเท่านั้น ว่าแล้วก็ยอมจำใจแตกแบงค์ใหญ่ด้วยการซื้อของแพงๆ ประชดชีวิตเพื่อแลกเป็นเศษเงิน ฟังดูรันทดเนาะ

10 สถานที่ยอดนิยมที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนกรุงปารีส

เมื่อเต็มใจถูกทิ้งให้เที่ยวปารีสอย่างเหงาๆ คนเดียว ก็เลยต้องทำตัวให้ alert สุดๆ จะออกไปไหนมาไหนให้ท่องไว้ 3 อย่างคือ Passport ต้องอยู่ติดตัวเสมอห้ามหายเด็ดขาด Backpack มีเป้อยู่หนึ่งใบไม่ต้องหนักมากพร้อมตะลุยไปไหนแบบสมบุกสมบัน ของสำคัญที่ควรมีอยู่เป้นอกจากของใช้และ accessory ส่วนตัวแล้ว แนะนำให้พกร่มและน้ำดื่มไปด้วย และสุดท้ายจะต้องมี Map หรือแผนที่นำทางด้วย ถ้าโทรศัพท์มือถือเปิดสัญญาณเน็ตอยู่ด้วยก็จะดีมาก ถ้าหาอะไรไม่เจอก็ถาม Google Map
เอาล่ะครับด้วยความรู้เพียงน้อยนิด กับน่องขาขนาดใหญ่ที่พอมีแรงเยอะ ทำให้ผมมาเยือนสถานที่สำคัญที่ว่ามานี้จนครบ 10 แห่งจากการเดินแบบนอนสต็อป สำหรับคนขี้เมื่อยผมมีตัวช่วยให้นิดหน่อย คุณสามารถใช้บริการของBig Bus Paris หรือ L’Open Tour ก็ได้ เป็นบริการ Hop on & Hop off Sightseeing Tour ที่ทำให้คุณสามารถนั่งรถบัสเปิดประทุนพร้อมหูฟังเล่าประวัติความเป็นมาของสถานที่สำคัญต่างๆ ตั๋วมีแบบ 1-day Pass, 2-day Pass บางอันขายพ่วงกับ Cruise ด้วย 
ทีแรกก็คิดว่าจะใช้บริการอยู่ แต่คิดไปคิดมาขอเดินออกกำลังกายดีกว่า นอกจากได้หยุดชมวิวข้างทางได้อย่างเต็มอิ่มแล้ว ยังสามารถเดินเลี้ยวเลาะออกนอกเส้นทางเพื่อดูวิถีชีวิตคนเมืองได้อีกด้วย

1) Eiffel Tower (La Tour Eiffel)

Eiffel tower

หอไอเฟิลแห่งนี้มีพลังแม่เหล็กดึงดูดมหาศาล มีนักท่องเที่ยวแห่กันมาถ่ายภาพตั้งแต่เช้าจรดค่ำ (เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืนในช่วงกลางเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกันยายน หลังจากนั้นเปิดตอน 9 โมงครึ่งปิดตอน 5 ทุ่ม) เราจะเห็นคนถ่ายรูปหอไอเฟิลกันทุกมุม และทุกอริยาบท นอน นั่ง ยืน ตะแคง ยิ่งตอนดึกประมาณราวๆ 4 ทุ่มกว่าจะมีการเล่นไฟกระพริบด้วย เรียกเสียงเฮฮาปาร์ตี้ได้ใจมากๆ สำหรับคนที่อยากไปสัมผัสบรรยากาศด้านบน เขามีเรทราคาตั้งแต่ 5 ยูโร (สำหรับการเดินขึ้นบันไดถึงชั้น 2) 9 ยูโร (สำหรับการขึ้นลิฟท์ไปถึงชั้น 2) และ 15 ยูโร (สำหรับการขึ้นลิฟท์ไปถึงชั้นบนสุด) อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหอไอเฟิลได้ที่นี่

Bateaux

ถึงแม้จะไม่ได้นั่งรถบัสชมเมืองแต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการล่องแม้นำเซนด้วยเรือครูซ ที่ปารีสมี Operator อยู่หลายแห่งทีเดียวไม่ว่าจะเป็น Bateaux Parisiens (เจ้านี้เมื่อซื้อคู่กับ Big Bus จะได้ส่วนลดพิเศษด้วย ท่าเรืออยู่ใกล้กับหอไอเฟิลที่สุด), Vedettes Du Pont Neuf (ซื้อตั๋วออนไลน์ล่วงหน้ามีส่วนลดพิเศษให้ ท่าเรืออยู่แถวพิพิธภัณฑ์ Louvre) หรือ Bateaux Mouches (เจ้าที่ผมเลือกซื้อ ท่าเรืออยู่แถว Pont de L’alma) ระยะทางโดยรวมและค่าโดยสารราคาพอๆ กันคือประมาณ 13-14 ยูโรต่อคน ใช้เวลาเดินทางต่อเที่ยวประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที เรือออกทุกๆ ครึ่งชั่วโมง

3) Musée D’Orsay

Musee d'Orsay2
พิพิธภัณฑ์ d’Orsay มีคนต่อคิวยาวเหยียด
Musee d'Orsay
สักครั้งในชีวิต ควรหาโอกาสเข้าไปชมเป็นบุญตา
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ชอบมากที่สุดเท่าที่เคยไปมา ขนาดไม่เล็กและไม่ใหญ่โตจนเกินไป สถานที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเซนอยู่ห่างจากพิพิธภัณฑ์ Louvre ไม่มาก (อยู่คนละฟากกัน) ที่นี่เคยเป็นสถานีรถไฟเก่า Gare d’Orsay ที่สร้างขึ้นในปี 1898-1900 มีผลงานสะสมของศิลปินชื่อดังตั้งแต่ MonetManetDegasRenoirCézanne,  Seurat,SisleyGauguin และ Van Gogh พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดตั้งแต่เวลา 9:30 น.ไปจนถึง 6 โมงเย็น (ปิดทำการทุกวันจันทร์) ดูรายละเอียดเกี่ยวกับการซื้อตั๋วได้ที่นี่

4) Musée du Louvre

Musee du Louvre
พิพิธภัณฑ์ Louvre ในวันที่ฟ้าหม่นหมอง

เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงและขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก (พื้นที่ขนาด 60,600 ตรม.) สะสมชิ้นงานไว้กว่า 35,000 ชิ้น เรียกได้ว่าเดินชมกันจนตาแฉะเลยทีเดียว ผลงานที่ผู้คนให้ความสนใจมากๆ เมื่อมาเยือนที่ Louvre ก็คือรูปปั้น Venus และภาพวาด Monalisa เป็นภาพสีน้ำมันที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก เห็นแล้วต้องอึ้งทีเดียวว่าทำไมมันถึงเล็กขนาดนี้ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวันเว้นวันอังคาร (สลับกับ D’Orsay) ตั้งแต่เวลา 9:00 น.จนถึง 6 โมงเย็น (สำหรับวันพุธและศุกร์ปิดดึกเป็นพิเศษถึงตอน 3 ทุ่ม 45 นาที ดูรายละเอียดเกี่ยวการเข้าชมได้ที่นี่ครับ ความสะดวกของการเดินทางมาที่นี่คือรถไฟใต้ดินมาถึง (Palais Royal Musée du Louvre) และภายในอาคารชั้นใต้ดินก็มีทั้งร้านอาหารและร้านค้าให้เดินช้อปปิ้งด้วย

5) Cathédrale Notre Dame




Notre Dame
วิหาร Notre Dame ที่ถูกกล่าวขานว่าเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

โบสถ์คาทอลิกแห่งนี้มีชื่อเสียงดังอันดับต้นๆ ของโลก รูปแบบสถาปัตยกรรมนั้นถือเป็นต้นแบบให้กับโบสถ์หลายแห่งทั่วโลก ทุกวันจะมีคนต่อแถวหน้าโบสถ์เพื่อเข้าไปชมประติมากรรมความเก่าแก่ของโบสถ์แห่งนี้ ถ้าพอมีเวลาแนะนำให้เดินเล่นในสวนสาธารณะริมน้ำเซน บริเวณโดยรอบจะเต็มไปด้วยร้านรวงขายอาหารและของที่ระลึก เนื่องจากเป็นย่านนักท่องเที่ยว อาหารและเครื่องดื่มในละแวกนี้จะแพงเป็นพิเศษ (แถวนี้ไม่ค่อยมีร้านสะดวกซื้อซะด้วย ดัชนีชี้วัดความแพงให้ดูที่ราคาน้ำแร่เอเวียง แพงประมาณ 3 เท่าตัว)

6) Champs-Élysées




Champs Elysee
ถนนนี้ทอดยาวจากประตูชัยไปถึง Concorde
Laduree
สินค้าแบรนด์เนมและร้านค้าชื่อดังบนถนน Champs Élysées

ครั้งแรกที่มาเยือนประเทศฝรั่งเศส ใครๆ พูดถึงถนนชื่อนี้ มันเป็น Shopping Street หรือถนนสำหรับคนเดินช้อปปิ้งโดยเริ่มต้นตั้งแต่ Arc de Triomphe ไปจบที่ Place de la Concorde หากเดินต่อไปก็จะผ่านสวนสาธารณะขนาดใหญ่ชื่อ Jardin des Tuileries ทางผ่านไปพิพิธภัณฑ์ Louvre โดยความเห็นส่วนตัวทัศนียภาพของถนนเส้นนี้อาจจะไม่ได้ดูตื่นตาตื่นใจมากนักเพราะรถก็เยอะ คนก็แยะ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือได้มองผู้คนเขาแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ ออกมาเที่ยวนอกบ้าน ร้านแบรนด์เนมทั้งหลายก็เรียงหน้ากระดานตั้งอยู่บนถนนเส้นนี้ไม่ว่าจะเป็นLouis Vuitton, Abercrombie & Fitch, Disney Store รวมถึงร้านไอศกรีม Häagen-Dazs และร้านขนมอย่าง Ladurée เอาเป็นว่าร้านไหนมีปัญญาตั้งอยู่บนถนนเส้นนี้ได้ต้องเส้นใหญ่กระเป๋าตุง

7) Arc de Triomphe




Arc de Triomph
ประตูชัยตั้งตระหง่านกลางถนน

ประตูชัยแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1806-1836 มีความสูงประมาณ 49.5 เมตร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของถนน Champs-Élysées อย่างที่บอกไว้ในตอนต้นว่าสถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของการเดินทาง โผล่มาจากสถานี Charles de Gaulle ÉToile ก็จะเจอเลย สิ่งที่คาดไม่ถึงเมื่อต้องเดินรอบวงเวียนใหญ่แห่งนี้คือมันเป็นแยกศูนย์รวมของถนนมากกว่า 10 สาย แค่เดินครบรอบก็แทบอ๊วกแล้ว ถ้าใครอยากขึ้นไปชมวิวด้านบนก็สามารถทำได้ สูงแค่ 40 ชั้นเอง สารภาพตามตรงว่าเราหาทางเข้าไม่เจอ ไม่รู้จะข้ามถนนไปยังเกาะกลางยังไง แบบว่าไม่อยากเป็นกะเหรี่ยงวิ่งตัดหน้ารถที่วิ่งวนขวักไขว่ากันนับร้อยคัน มารู้ทีหลังว่าต้องมุดเข้าอุโมงค์ใต้ดินบนถนน Avenue de la Grande Armee (จาก Metro ให้มองหา Wagram Exit) ค่าเข้าชมประมาณ 8 ยูโร เปิดทำการตั้งแต่เวลาประมาณ 10 โมงเช้าถึงประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง (ยกเว้นเดือนเมษายนถึงกันยายนปิดดึกถึงตอน 5 ทุ่ม) อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเข้าชมสถานที่นี้ได้ที่นี่

8) Basilica of the Sacred Heart (Sacré-Cœur)




Sacred Heart
สถานที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยวและคนเมือง

Sacred Heart3
ณ จุดนี้ถือเป็นจุดสูงสุดของกรุงปารีส จึงทำให้ Basilica of the Sacred Heart ซึ่งตั้งอยู่ในเขต Montmarte กลายเป็นจุดนัดพบของนักท่องเที่ยวที่มานั่งดูโชว์ ชมวิวพาโนรามา ถ่ายรูป ปิคนิค กระหนุงกระหนิงกัน (อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการเข้าชมสถานที่แห่งนี้ได้ที่นี่) แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าย่านนี้เป็นหนึ่งในย่านที่อันตรายที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงปารีส มีทั้งพวกล้วงกระเป๋า มิจฉาชีพ ขายของปลอมเต็มไปหมด ถ้ามีใครมาทักให้ช่วยถือโน่นถือนี่ให้ ให้ระมัดระวังตัวให้ดี เพราะพวก 18 มงกุฎจะมีสารพัดวิธีการในการเบี่ยงความสนใจ เพียงเสี้ยววินาทีคุณอาจโดนล้วงกระเป๋า หรือต้องจำใจซื้อของเถื่อนจากพวกมันทั้งๆ ที่ไม่ต้องการ อ้อลืมบอกไปสำหรับวัยรุ่นหนุ่มกลัดมัน แถวนี้มีร้านขายของที่ระทึก ประเภทแท่งหรรษา ตุ็กตาดูดวิญญาณ และอุปกรณ์บันเทิงเริงใจสารพัดชนิดเพียบเลย

9) Moulin RougeLido




Moulin Rouge2
The Red Light District

Moulin Rouge ตั้งอยู่ในเขต Pigalle ไม่ห่างจาก Montmarte มากนัก คือโรงละครคาบาเรต์เก่าแก่ของกรุงปารีส ถ้าจำ can-can dance จากในหนังได้ ที่นี่ถือเป็นจุดเร่ิมต้นของการพัฒนารูปแบบการร้องการเต้นจนกระทั่งแพร่หลายไปทั่วยุโรป สถานที่แห่งนี้จะโดดเด่นจนจำได้เพราะมีกังหันสีแดงตั้งอยู่ทางด้านหน้า คือแบบว่าไม่เคยได้ดูโชว์กะเขาซะที มีแค่แวะไปถ่ายรูป ถ้าเกิดใครสนใจลองเข้าไปหาข้อมูลจองตั๋วกันได้ที่นี่ ยังมีอีกที่นึง เกรดจะสูงขึ้นมาอีกนั่นคือ Le Lido ตั้งอยู่บนถนน Champs-Élysées  เคยไปดูมาครั้งนึง โอโหอลังการดาวล้านดวง คือเขาใช้นักแสดงเยอะมาก เวทีสุดจะวิจิตรสามารถแปลงให้เป็น Ice-skating rink ได้ด้วย สนใจจองตั๋วเข้าชมพร้อมทานอาหารเย็นเช็คราคาได้ที่นี่ครับ ถ้าดูไม่ผิดตอนนี้ราคาต่อหัวประมาณ 160-300 ยูโร

10) Les Galeries La Fayette




La Fayette
ห้างดังกลางกรุงปารีส

ห้างสรรพสินค้า La Fayette เป็นห้างหรูขึ้นชื่อติดอันดับความแพงตั้งอยู่บนถนน Boulevard Haussmann ข้อดีคือเขามีทุกสิ่งให้เลือกสรร บรรจงเอาแบรนด์เนมชื่อดังทั้งหลายตั้งแต่ Chanel, Hermes, Louis Vuitton ฯลฯ มารวมไว้ภายใต้หลังคาโดมสีทอง ข้อเสียคือผู้คนล้านแปด ทุกตารางนิ้วจะหนาแหน่นคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวจีนและไทย ระดมกันช้อปราวกับได้ฟรี แต่สำหรับคนที่มีเวลาน้อย คุณมาห้างเดียวก็แทบจะไม่ต้องตระเวนไปที่อื่น